หลังเกิดเหตุการณ์ลูกค้าธนาคารพาณิชย์หลายแห่ง ถูกตัดเงินออกจากบัญชีทั้งที่ไม่มีการซื้อสินค้าหรือบริการใดๆ ซึ่งมีผู้ได้รับความเสียหายจำนวนมาก ล่าสุดในวันนี้ (19 ตุลาคม) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทย ได้จัดแถลงข่าวเพิ่มเติม เพื่อชี้แจงความคืบถึงสาเหตุของปัญหา วิธีการแก้ปัญหา และคำแนะนำ โดยทีมข่าว THE STANDARD WEALTH สรุปประเด็นได้ดังนี้ . #ช่วงเวลาการเกิดเหตุ ระหว่างวันที่ 1-17 ตุลาคม 2564 เริ่มพบการตัดเงินแบบผิดปกติผ่านบัตรเดบิตและบัตรเครดิตของลูกค้าในบางบัญชีทั้งที่ไม่มีการใช้งานใดๆ โดยธุรกรรมส่วนใหญ่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 14-17 ตุลาคม 2564 . #ผู้เสียหาย จำนวนบัตรที่โดน 10,700 ใบ - บัตรเครดิต 5,900 ใบ มูลค่า 100 ล้านบาท - บัตรเดบิต 4,800 ใบ มูลค่า 31 ล้านบาท
มูลค่าความเสียหายรวม 131 ล้านบาท . #เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มิจฉาชีพใช้โปรแกรมอัตโนมัติ (Bot) สุ่มหมายเลขบัตรและวันหมดอายุ นำไปสวมรอยทำธุรกรรมผ่านร้านค้าออนไลน์ต่างประเทศและเกมออนไลน์ ที่ไม่มีการใช้ OTP ส่วนใหญ่ซื้อสินค้าในจำนวนเงินที่ต่ำกว่า 1 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ระบบยังไม่มีการแจ้งเตือนในทันที แต่ด้วยธุรกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำกันหลายๆ ครั้ง ธนาคารเริ่มพบความผิดปกติ และได้พยายามแจ้งเตือนลูกค้า แต่เนื่องจากมีธุรกรรมเข้ามาจำนวนมาก ทำให้ไม่สามารถแจ้งเตือนได้ทั้งหมด . #คำแนะนำ ควรตรวจสอบการทำธุรกรรมของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ระมัดระวังการผูกบัตรเดบิตและบัตรเครดิตกับแพลตฟอร์มที่มีความเสี่ยง เช่น เกมออนไลน์ หรือแพลตฟอร์มที่ไม่มีการยืนยันตัวตนก่อนใช้งาน หรือไม่มี OTP หากพบความผิดปกติ สามารถอายัดบัตรได้ด้วยตัวเองผ่านแอปพลิเคชันของธนาคาร นอกเหนือจากการติดต่อกับธนาคาร . #การแก้ไขปัญหาของธนาคาร ลูกค้าที่เสียหาย หากเป็นบัตรเดบิตจะได้รับเงินคืนภายใน 5 วันทำการ ส่วนบัตรเครดิต รายการดังกล่าวจะถูกยกเลิกและไม่มีการเรียกเก็บเงินหรือคิดดอกเบี้ย ยกระดับการตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติ ครอบคลุมธุรกรรมที่มีจำนวนเงินต่ำ มีความถี่สูง ระงับการใช้บัตรทันทีที่พบความผิดปกติ และแจ้งลูกค้าเพื่อรับทราบในทุกช่องทาง หารือกับผู้ให้บริการเครือข่ายบัตร เช่น Visa, Mastercard เพื่อกำหนดให้มีการใช้การยืนยันตัวตนเพิ่มเติม เช่น OTP กับบัตรเดบิตสำหรับร้านค้าออนไลน์ . ขอบคุณข้อมูลจาก : TheStandard
————————————————— #สปีดี้แคชห่วงใยทุกปัญหาการเงินของคุณ
Comentarios